การเลือกบัตรเชิญและของชำร่วยงานแต่ง
การเลือกการ์ดเชิญ และของชำร่วยดูจะเป็นเรื่องหยุมหยิม แต่อันที่จริงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเลือกสถานที่จัดงานเลยทีเดียว เพราะเป็นเรื่องที่พูดเกี่ยวกับจำนวนแขกที่คุณจะเชิญมาโดยตรง
บัตรเชิญ
บัตรเชิญ เป็นสารอันดับแรกที่คุณสองคนจะใช้สื่อให้คนรอบข้างรู้ว่าคุณสองคนจะลงเอยกันแล้วนะ และขอให้พวกเขามาร่วมเป็นสักขีพยานในงานวิวาห์ของพวกคุณ ดังนั้นคู่แต่งงานบางคู่จะให้ความสำคัญถึงกับ ต้องมีการออกแบบการ์ดเชิญ และของชำร่วยให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของงาน ถ้าคุณต้องการ อาจลองเข้าไปปรึกษา กับนักออกแบบป้ายชื่อ สิ่งพิมพ์โฆษณาดูได้ หรือแม้แต่โรงพิมพ์ที่รับพิมพ์การ์ดเชิญต่างๆ เขาก็รับออกแบบให้ได้เช่นกัน
ขั้นตอนเตรียมการพิมพ์บัตรเชิญ
ในเรื่องของการออกแบบการ์ดเชิญ อาจยังไม่ใช่สิ่งจำเป็นนักสำหรับคู่แต่งงานอีกหลายๆ คู่ เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คุณจะเริ่มต้นอย่างไร จึงจะมีการ์ดเชิญที่สมบูรณ์แบบพร้อมด้วยรายละเอียด ข้อความ รูปแบบ และเนื้อกระดาษที่บ่งบอกถึงความพร้อมในการเตรียมงานของคุณ มีจำนวนที่เพียงพอจะแจกให้กับแขกทั้งหมดที่คุณสองคนได้ร่วมกันร่างชื่อเอาไว้ในงบประมาณที่อยู่ในขอบข่ายที่จำกัดเอาไว้หรือไม่ต่อไปนี้คือ 9 ขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณสามารถนำไปเป็นแนวทางในการเตรียมการพิมพ์การ์ดเชิญงานแต่งของคุณ
– กำหนดจำนวนแขกที่จะเชิญมาร่วมงาน เรื่องนี้สำคัญมากนะคะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่โยงใยไปถึงขั้นตอน
อื่นๆ ในการจัดงานแต่งงานเลยทีเดียว เช่น ขนาดของสถานที่จัดเลี้ยง อาหารและขอชำร่วย ถ้าคุณรู้สึก
สับสน แล้วไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดีอยากจะขอแนะนำง่ายๆ อย่างนี้ค่ะ คุณกับคู่ของคุณลองแยกย้ายกัน
ไปร่างรายชื่อของบุคคลที่คุณแต่ละคนต้องการให้มาร่วมงาน โดยเริ่มจากชื่อของแขกผู้ใหญ่ที่เป็นบุคคล
สำคัญ ไล่ไปจนถึงเพื่อฝูง จากนั้นแล้วค่อยมานั่งปรึกษากัน ดูซิว่ายังขาดแขกสำคัญคนใดอีกหรือเปล่า
– ตรวจสอบความถูกต้องของวัน เวลา และสถานที่ที่ใช้จัดงานประกอบพิธี และงานเลี้ยง รวมทั้งชื่อ-
นามสกุล ของเจ้าภาพจัดงาน
– กำหนดหมายกำหนดการ พิธีรดน้ำจะจัดที่ไหน ฤกษ์ยามเป็นอย่างไร หลังจากรดน้ำแล้วจะทำอะไรต่อไป
งานเลี้ยงจะจัดขึ้นเมื่อไร มีกำหนดการอย่างไรบ้าง การบอกหมายกำหนดการไปกับบัตรเชิญจะทำให้แขก
ของคุณ พอคาดเดารูปแบบการจัดงานของคุณได้ว่าจะเป็นแบบใดและเขาควรจะแต่งตัวอย่างไรหรือ
แม้กระทั่งเขาควรจะไปถึงงานในเวลาใดจึงจะทันช่วงเวลาที่สำคัญของคุณ
– กำหนดงบประมาณ งบประมาณที่คุณตั้งไว้จะเป็นแนวทางในการกำหนดคุณภาพกระดาษ สี และรูปแบบ
การพิมพ์การ์ดเชิญของคุณต่อไป ซึ่งโดยปกติ ราคาพิมพ์การ์ดจะมีราคาตั้งแต่ 12 บาทไปจนถึง 100 กว่าบาท
ก็มี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกระดาษที่ใช้ รูปแบบการพิมพ์ และการออกแบบการ์ด รวมถึงจำนวน
พิมพ์ด้วย ถ้าคุณพิมพ์จำนวนมากก็จะไปถัวเฉลี่ยกับค่าทำบล็อกพิมพ์ แต่ก็ไม่สำคัญมากนัก เพราะค่า
บล็อกพิมพ์จริงไม่เกิน 300-400 บาท ซึ่งถ้าคุณพิมพ์น้อยกว่า 300 แผ่น บางทีคุณอาจต้องจ่ายค่าทำบล็อก
เพิ่มต่างหาก
– พิจารณาเลือกคุณภาพกระดาษ และรูปแบบการพิมพ์ เมื่อไปถึงที่ร้าน อันดับแรกที่คุณจะต้องทำก็คือ
ขอทางร้านเขาดูแค็ตตาล็อก หรือตัวอย่างงานพิมพ์ แล้วพิจารณาดูที่คุณภาพกระดาษ และรูปแบบการพิมพ์
ลองดูซิว่า คุณชอบแบบไหน แล้วลองถามเขาดูว่า แต่ละแบบมีคุณสมบัติพิเศษอย่างไรบ้าง และราคาเป็น
อย่างไร ซึ่งเทคนิคการพิมพ์แต่ละแบบจะให้ลักษณะตัวอักษร และราคาที่แตกต่างกันออกไป
– ตัดสินใจเลือก เลือกในรูปแบบที่คุณชอบ และคิดว่าตรงกับรูปแบบการจัดงานของคุณ ต่อรองในเรื่องของ
ราคาและอย่าลืมถามทางร้านด้วยว่า เขาจะคิดค่าพิมพ์แผนที่และหมายกำหนดการเพิ่มหรือไม่ (ในกรณีที่
คุณต้องการให้มีเป็นใบแทรกไปกับบัตรเชิญด้วย) หรือคิดรวมเป็นแพ็กเกจไป
– จำนวนพิมพ์คุณควรสั่งพิมพ์มากกว่าจำนวนจริงของรายชื่อแขกที่คุณจะเชิญมาร่วมงานอย่างน้อย 25 แผ่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซอง โดยปกติทางร้านจะเตรียมซองไว้ให้มากกว่าจำนวนบัตรเชิญที่คุณสั่งพิมพ์คุณลอง
สอบถามทางร้านดูให้แน่ใจว่าเขาจะมีจัดเตรียมไว้ให้หรือเปล่า ถ้าไม่มีคุณก็จะต้องขอเพิ่มล่ะค่ะ
– รายละเอียดในบัตรเชิญ ขั้นตอนนี้สำคัญมาก คุณควรพิมพ์รายละเอียดที่จะใช้พิมพ์ในบัตรเชิญของคุณ
อย่างรอบคอบ ขอย้ำว่าไม่ควรใช้เป็นลายมือเขียน เพราะโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดนั้นมีสูงมาก และเมื่อ
เกิดข้อผิดพลาดขึ้นแล้วมันจะกลายเป็นปัญหายาว ดังนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ พร้อมทำ
ก๊อปปี้ไว้ 1 ชุด และตรวจสอบความถูกต้องของการสะกดคำอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนที่จะให้ทางร้านไป
พร้อมกับให้ทางร้านช่วยเซ็นกำกับความถูกต้องไว้ด้วย เผื่อเวลามีปัญหาคุณจะได้มีหลักฐานไว้ยืนยันว่า
เกิดจากความผิดพลาดของทางร้าน ซึ่งเขาควรจะรับผิดชอบในการแก้ไขงานให้กับคุณ (เว้นเสียแต่ความ
ผิดพลาดนั้นจะเกิดจากตัวคุณเอง)
– ตรวจสอบความถูกต้องของบัตรเชิญที่พิมพ์เสร็จแล้ว ลองเช็กดูว่าคุณได้รับบัตรเชิญครบตามจำนวนที่สั่ง
พิมพ์หรือไม่รายละเอียดถูกต้องตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ การสะกดคำถูกต้องหรือไม่ ซึ่งถ้าหากคุณพอ
ข้อผิดพลาด ควรรีบแจ้งให้ทางร้านนำกลับไปแก้ไขใหม่ ซึ่งโดยปกติแล้วทางร้านจะรีบแก้ไขงานให้คุณ
ในช่วงเวลา 3-5 วัน หลังจากส่งงานให้คุณแล้วเท่านั้นถ้านานกว่านั้นบางทีเขาอาจคิดค่าบริการเพิ่มเติมจากคุณ
Likes