การจัดหาอาหารมาเลี้ยงแขกให้อิ่มหน่ำสำราญนั้น ถือเป็นส่วนที่ต้องเบียดบังงบประมาณสำหรับการจัดงานแต่งของคุณไปเกือบครึ่ง ซึ่งถ้าหากคุณเลือกจัดงานแต่งในสถานที่ที่มีแผนกจัดเลี้ยงอยู่แล้ว อย่างโรงแรม      หรือภัตตาคาร และร้านอาหารใหญ่ คุณอาจไม่ต้องยุ่งยากมาสืบหาภัตตาคาร หรือร้านอาหารฝีมือเด็ดมาปรุงอาหารให้แขกของคุณ

“เพียงแต่ตัดสินใจว่าคุณต้องการให้เขาเสิร์ฟอาหารสไตล์ไหน ในเมนูควรมีอาหารอะไรบ้างเท่านั้นก็พอ”

แต่ถ้าหากสถานที่ที่คุณจัดงานไม่มีแผนกจัดเลี้ยงทางเจ้าของสถานที่ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลสถานที่ ก็สามารถแนะนำร้านอาหารดีๆ ให้กับคุณได้ ซึ่งคุณสามารถศึกษาข้อแนะนำต่อไปนี้เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานก่อนไปลงสนามเจรจาจริงกับร้านอาหารนั้น

คุณจะได้อะไรบ้างจากบริการของธุรกิจจัดเลี้ยง

ก่อนที่คุณจะควักกระเป๋าจ่ายให้กับธุรกิจจัดเลี้ยงไปนั้น คุณควรจะทราบก่อนว่าที่คุณจ่ายไปนั่นน่ะ จ่ายไปให้กับค่าอะไรบ้างและแต่ละรายการที่ทางร้านจะบริการให้กับคุณนั้นเขาคิดค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง

1. อาหาร เป็นรายการหลัก อันดับแรกเลยที่ทางร้านจะเสนอขายให้กับคุณ ค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้จะสัมพันธ์กับรูปแบบการเสิร์ฟอาหารที่คุณเลือกด้วย เพราะขณะที่ชุดรายการอาหารเหมือนกันแต่ถ้าคุณเลือกเสิร์ฟแบบโต๊ะจีน จะอีกราคาหนึ่ง ขณะที่เสิร์ฟแบบบุฟเฟต์ก็อีกราคาหนึ่ง นั่นเพราะการเสิร์ฟแบบโต๊ะจีน หรือดินเนอร์บนโต๊ะอาหารจะต้องใช้แรงงานของพนักงานเสิร์ฟ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่ทางร้านจะบวกไปกับเมนูอาหารที่คุณสั่งด้วย สำหรับรูปแบบการเสิร์ฟอาหารนั้น โดยทั่วไปจะมี 3 แบบ ซึ่งจะให้ข้อดี – ข้อเสียต่างกันไปตามลักษณะการเสิร์ฟ ดังจะได้กล่าวถึงในหัวข้อถัดไปค่ะ

2. เครื่องดื่ม ทางร้านจะคิดค่าเครื่องดื่มแยกต่างหากจากรายการอาหารทั้งนี้เนื่องจากอาหารนั้นเป็นรายการหลักที่สามารถคำนวณ ค่าเสียหายได้แน่นอนตายตัว ขณะที่พฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มของแต่ละบุคคลนั้นจะแตกต่างกันไป บางคนดื่มมาก บางคนดื่มน้อยหรือถ้าคุณมีแขกที่เป็นแชมป์คอทองแดงเยอะหน่อย ก็อาจต้องเสียค่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากหน่อย ซึ่งทางร้านอาหารบางร้านจะเตรียมเครื่องดื่มตามรายการที่คุณได้เลือกไว้ในปริมาณที่พอเหมาะกับอาหารที่เตรียมไว้ และจะเตรียมสำรองเพิ่มเติมเอาไว้อีกส่วนหนึ่ง ตรงส่วนนี้ทางร้านจะคิดค่าเครื่องดื่มทั้งหมดหลังงานเลี้ยงเลิกราไปแล้ว หรือถ้าคุณจะซื้อมาเพิ่มเติมเองก็สามารถทำได้

3. อุปกรณ์จัดเลี้ยง ค่าใช้จ่ายในส่วนของอุปกรณ์จัดเลี้ยง ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเสิร์ฟอาหารที่คุณเลือกเช่นกัน ง่ายสุดๆ ก็คือ การเลี้ยงค็อกเทลเพราะไม่ต้องยุ่งยากหาโต๊ะ เก้าอี้ มาให้แขกนั่ง แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมนัก เว้นเสียแต่ว่าคุณจะใช้เวลาในการจัดปาร์ตี้ของคุณไม่นานนัก ปกติแล้วทางร้านอาหารจะต้องเป็นผู้จัดเตรียม อุปกรณ์เหล่านี้ไว้ให้ โดยจะบวกค่าขนย้าย จัดตั้ง เอาไว้กับแพ็กเกจค่าจัดเลี้ยงนั้นแล้ว ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้อง เสียเงินเพิ่มตรงส่วนนี้ แต่อาจต้องรับผิดชอบในส่วนของความเสียหายอันจะเกิดขึ้นกับข้าวของของทางร้านเขา     เช่น การสูญหาย การแตกหักของจาน ชาม เป็นต้น

4. พนักงานเสิร์ฟ ปกติธุรกิจจัดเลี้ยงจะคิดค่าบริการในส่วนของพนักงานเสิร์ฟเพิ่มเติม ซึ่งในใบเสนอ ราคาที่ทางร้านเสนอให้กับคุณนั้น ควรจะบอกมาด้วยว่า เขาจะใช้พนักงานเสิร์ฟกี่คน รวมเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไร ส่วนตัวคุณเองก็ควรจะตรวจดูความเป็นไปได้ด้วยว่าจำนวนคนเท่านั้นจะเพียงพอกับการให้บริการแขกทั้งหมดที่คุณเชิญมา ตามรูปแบบการเสิร์ฟที่คุณเลือกไว้ได้หรือไม่ ซึ่งโดยปกติพนักงานเสิร์ฟ 1 คน ไม่ควรดูแล      แขกเกิน 25 คนในกรณีของการเสิร์ฟแบบโต๊ะจีน หรือดินเนอร์บนโต๊ะอาหาร แต่ถ้าหากคุณเลือกที่จะเลี้ยงแขก     ของคุณด้วยค็อกเทล หรือบุฟเฟต์อัตราส่วนนี้อาจลดลงได้ค่ะ

5. จัดหาบริการด้านบันเทิง และตกแต่งสถานที่จัดงาน ธุรกิจจัดเลี้ยงบางรายยังรับเป็นธุระจัดหาดีเจ วงดนตรี พิธีกรและร้านดอกไม้ให้กับคุณด้วย โดยทางร้านจะหักค่านายหน้าออกจากค่าใช้จ่ายที่คุณจะต้องจ่ายให้กับบริการทั้งหมดนี้ หรือคิดเหมารวมทั้งหมด แล้วเป็นแม่งานในการติดต่อประสานงานรวมถึงดูแลตลอดการจัดงานเลี้ยงให้กับคุณทั้งหมด แต่ถ้าคุณไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ และมีเวลาพอที่จะติดต่อประสานงานรวมถึงดูแลตลอดการจัดงานเลี้ยงให้กับคุณทั้งหมด แต่ถ้าคุณไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ และมีเวลาพอที่จะติดต่อประสานงานเอง คุณก็สามารถสอบถาม หรือขอให้ทางร้านช่วยแนะนำให้ได้โดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด