พิธีแต่งงานแบบชาวคริสต์
พิธีแต่งงานแบบชาวคริสต์
การแต่งงานของชาวคริสต์ จะมีขั้นตอนต่างๆ ไม่แตกต่างอะไรจากงานแต่งทั่วไป คือ มีการสู่ขอ มีการ หมั้นหมาย และก็พิธีแต่งสำหรับพิธีแต่งนั้น ชาวคริสต์จะประกอบพิธีกันในโบสถ์ เพื่อทำพิธีส่งมอบตัวเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าว การให้คำสัตยาบรรณของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว และการสวมแหวนแต่งงาน
พิธีส่งมอบตัวเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าว
เมื่อเริ่มพิธีคนจุดเทียนจะเป็นคนคู่แรกที่เดินถือเทียนไปจุดไฟจากแท่นเทียนที่อยู่ตรงกลางด้านหน้า ของโบสถ์ จากนั้นก็จะนำเทียนในมือไปจุดต่อยังเชิงเทียนด้านซ้ายและขวา เมื่อจะเทียนเรียบร้อยแล้วก็จะเดินออกไป เสียงดนตรีในโบสถ์จึงเริ่มดังขึ้น ซึ่งโดยมากแล้วผู้เล่นเปียโนจะเป็นนักเปียโนในโบสถ์นั้นๆ เสียงดนตรี ที่ดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ขบวนเจ้าสาวเดินเข้าสู่โบสถ์ นำโดยเด็กโปรยดอกไม้ เพื่อนเจ้าสาว เด็กถือแหวนที่ใช้ประกอบพิธีเจ้าสาวจะเดินคล้องแขนมาพร้อมกับพ่อของตน การที่พ่อเจ้าสาวเป็นผู้พาเจ้าสาวเข้ามาในโบสถ์นั้น ก็มีความหมายว่า ผู้เป็นพ่อเต็มใจยกลูกสาวให้กับเจ้าบ่าวนั่นเอง
เมื่อมาถึงบริเวณที่ประกอบพิธีด้านหน้าของโบสถ์บาทหลวง หรือศิษยาภิบาลจะถามขึ้นว่า “ใครเป็น ผู้มอบเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าวในวันนี้” พ่อของเจ้าสาวซึ่งเป็นผู้มอบก็จะตอบว่า “ข้าพเจ้านาย……..บิดาของ นางสาว……..เป็นผู้มอบ” พร้อมกับก้าวถอยห่างออกมาจากเจ้าสาว เพื่อให้เจ้าบ่าวเดินเข้าไปยืนอยู่คู่กับเจ้าสาว แทน
ถึงจุดนี้แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมในพิธีก็จะทราบว่าทางครอบครัวของเจ้าสาวได้ยอมยกเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าวอย่างเต็มใจและถูกต้องตามประเพรี หลังจากพ่อฝ่ายหญิงได้มอบเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าวแล้วก็จะเป็นพิธีในส่วนที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะให้คำสัญญาต่อกันและกันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งทรงศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะหมายความว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพยานในการให้คำมั่นสัญญานั้นและคู่บ่าวสาวจะต้องรำลึก และรักษาสัญญานั้นไว้ จนกว่าทั้งสองจะตายจากกัน
พิธีให้คำสัตยาบรรณ และสวมแหวนแต่งงาน
หลังจากนั้นผู้ประกอบพิธีก็จะถามฝ่ายเจ้าบ่าวว่าเขามีสิ่งใดที่ใช้แทนคำมั่นสัญญานั้น ฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะรับแหวนจากเด็กถือแหวนให้กับผู้ประกอบพิธี แหวนที่ใช้ในพิธีสมรสนั้นจะต้องเป็นแหวนทางเกลี้ยง อาจเป็นทองคำบริสุทธิ์ หรือทองคำขายบริสุทธิ์ก็ได้ แต่ต้องเป็นแหวนกลมเกลี้ยงเท่านั้น เพราะแหวนที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ มีความหมายว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ เหมือนทองคำ และความรักจะไม่มีวันสิ้นสุดเหมือนกับความ กลมเกลี้ยงของแหวน ซึ่งหาจุดสิ้นสุดไม่ได้
โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อผู้ประกอบพิธีรับแหวนมาจากเจ้าบ่าวแล้วก็มักจะกล่าวถึงความหมายของแหวนนั้น เพื่อให้สักขีพยานที่มาในงานนั้นได้เข้าใจในความหมายที่ลึกซึ้งร่วมกันด้วย และก็จะคืนแหวนวงนั้นให้กับเจ้าบ่าว เจ้าบ่าวก็จะทำการบรรจงสวมแหวนนั้นที่นิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าสาว พร้อมกับกล่าวคำมั่นสัญญากับเจ้าสาวว่า
“แหวนนี้ฉันขอมอบให้เธอไว้ แทนคำสัญญาว่าฉันจะรักและสัตย์ซื่อต่อเธอ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ สบายดีหรือเจ็บป่วย มั่งมีหรือยากจน จนกว่าเราทั้งสองจะตายจากกัน”
หลังจากที่เจ้าบ่าวสวมแหวน และกล่าวคำสัญญาแล้ว เจ้าสาวก็จะทำอย่างเดียวกันกับเจ้าบ่าว ทั้งในการ สวมแหวน และการกล่าวคำมั่นสัญญา หลังจากที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวคำมั่นสัญญาต่อกันแล้ว บาทหลวง หรือ ศิษยาภิบาล ผู้ประกอบพิธีนั้นก็จะอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและให้พร หรือโอวาทแก่คู่บ่าวสาวนั้น และผู้ประกอบพิธีก็จะประกาศต่อสักขีพยานว่าทั้งคู่บ่าวสาวนี้ได้เป็นสามีภรรยาถูกต้องตามประเพณีทางศาสนาแล้ว หลังจากนั้น อาจมีการร้องเพลงให้กับคู่บ่าวสาวเป็นการอวยพรจากเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องของคู่บ่าวสาวนั้น และคู่บ่าวสาวก็จะเดินออกจากโบสถ์เป็นอันจบพิธี
1 Likes